เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (พระเชษฐาธิราช) กับพระยอดฟ้า (พระแก้วฟ้า) ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ในฐานะของสมาชิกสันนิบาตอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy League) พระองค์ได้ทรงรุกรานฝรั่งเศส (พ.ศ. 2055) ได้รับชัยชนะในสงครามแห่งสเปอร์ (พ.ศ. 2056) ในระหว่างที่ทรงประทับในต่างประเทศทหารสก็อตก็รบแพ้ที่ฟล็อตเดน ในปี พ.ศ. 2064 ทรงตีพิมพ์หนังสือว่าด้วยการเข้าพิธีทำสัตย์สาบานเข้าเป็นคริสต์ศาสนิกชนเพื่อตอบรับนิกายลูเธอร์ (โปรเตสแตนท์) เรื่อง “ผู้ปกป้องศรัทธา” (Defender of the Faith) ที่ได้รับจากพระสันตะปาปา และนับจาก พ.ศ. 2070 พระองค์ได้พยายามหย่ากับพระนางแคทรีนซึ่งราชบุตรทุกพระองค์สิ้นพระชนม์ตั้งแต่เป็นทารกยกเว้นเจ้าหญิงแมรี พระองค์ทรงพยายามกดดันพระสันตะปาปาโดยการทำให้พระคาทอลิกรู้สึกต่ำต้อยและยังได้ทรงท้าทายศาสนาแคทอลิกด้วยการอภิเษกกับเจ้าหญิงแอนน์ โบลีน (พ.ศ. 2076) ในปีต่อมาได้มีพระบรมราชโองการประกาศให้การอภิเษกกับพระนางแคทรีนเป็นโมฆะ และมีประกาศให้พระมหากษัตริย์คือพระองค์ทรงเป็นพระประมุขของนิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ (Church of England) แต่เพียงพระองค์เดียว นโยบายการปราบปราบฝ่ายศาสนาได้เริ่มอุบัติขึ้น เมื่อพระนางแคเทอรีนสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2079 และพระนางแอนน์ โบลีนถูกประหารชีวิตฐานมีชู้ พระเจ้าเฮนรีที่ 8 จึงได้อภิเษกสมรสครั้งที่สามกับสมเด็จพระราชินีเจน เซมัวร์ซึ่งก็ได้สิ้นพระชนม์เสียอีก แต่ก็ได้ให้กำเนิดพระโอรสซึ่งต่อมาคือพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2083 ทรงอภิเษกเป็นครั้งที่สี่กับเจ้าหญิงแคทรีน เฮาวาร์ดโดยหวังการมีสายสัมพันธ์กับฝ่ายโปรเตสแตนท์เยอรมัน แต่พระนางก็ถูกประหารชีวิตอีกด้วยข้อหามีชู้เช่นกันในสองปีต่อมา ในปี พ.ศ. 2086 ทรงอภิเษกเป็นครั้งสุดท้ายกับเจ้าหญิงแคทรีน พาร์ซึ่งกลายเป็นม่ายของพระองค์
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ (Elizabeth I of England -- 7 กันยายน พ.ศ. 2076 -- 24 มีนาคม พ.ศ. 2146) และทรงเป็นสมเด็จพระราชินีนาถแห่งฝรั่งเศส และสมเด็จพระราชินีนาถแห่งไอร์แลนด์ ตั้งแต่ วันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2101 จนสวรรคต บางกรณีทรงได้รับการกล่าวถึงในพระนาม “ราชินีผู้ทรงพรหมจรรย์” (เนื่องจากการไม่อภิเษกสมรสเลยตลอดพระชนม์ชีพ) สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ทรงเป็นกษัตริย์องค์ที่ 4 และนับเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายของราชวงศ์ทิวดอร์
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาในประวัติศาสตร์ไทย สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ทรงครองราชย์ในเวลาเดียวกันกับระหว่างรัชสมัยของสมเด็จพระมหาจักรพรรดิและสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในสมัยกรุงศรีอยุธยา
สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 ประสูติที่พระราชวังกรีนิช ทรงเป็นพระราชธิดาในสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 8 กับสมเด็จพระราชินีแอนน์ โบลีน พระมเหสีพระองค์ที่ 2 ซึ่งถูกประหารชีวิตโดยการบั่นพระเศียรเมื่อสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 1 พระชนมายุได้เพียงแค่ 3 พรรษา เมื่อพระบิดาอภิเษกสมรสครั้งที่ 3 กับสมเด็จพระราชินีเจน ซีมัวร์ ใน พ.ศ. 2079 พระองค์และเจ้าฟ้าหญิงแมรี พระพี่นางต่างพระมารดาถูกประกาศว่าเป็นบุตรีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโดยรัฐสภาเนื่องจากการเอนเอียงมาทางพระราชโอรสของพระนางเจน (ซึ่งต่อมาได้เสด็จขึ้นเถลิงราชย์เป็นสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 6 แห่งอังกฤษ)
พระเจ้าชาร์ลส์พระราชสมภพเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1600 ที่ดัมเฟิร์มไลน์ ในสกอตแลนด์ ทรงเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าเจมส์ที่ 1 แห่งอังกฤษ และ แอนน์แห่งเดนมาร์ก สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ ทรงเสกสมรสกับเจ้าหญิงเฮนเรียตตา มาเรีย ทรงครองราชย์ระหว่างวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 1625 ถึง 23 ธันวาคม ค.ศ. 1649 พระองค์เสด็จสวรรคตโดยการถูกสำเร็จโทษโดยการประหารชีวิต[1]เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1649 ที่ลอนดอนในประเทศอังกฤษ
พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 1 ทรงมีความขัดแย้งทางอำนาจการเมืองกับรัฐสภาอังกฤษ ทรงมีความเห็นว่าการเป็นพระมหากษัตริย์เป็นอำนาจที่รับมอบหมายจากพระเจ้าโดยตรงตามปรัชญาเทวสิทธิ์ของพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นทางอังกฤษยังกลัวว่าจะพยายามเพิ่มอำนาจของพระองค์เองโดยการปกครองในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พระราชกรณียกิจหลายประการโดยเฉพาะการจัดเก็บภาษีทรงทำโดยปราศจากการอนุมัติจากรัฐสภาซึ่งทำให้เกิดปฏิกิริยาการต่อต้านกันโดยทั่วไป[2